วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประวัติโรงเรียน บ้านป่าผาง


ประวัติโรงเรียน  บ้านป่าผาง
 



ประวัติโรงเรียน  

                โรงเรียนบ้านป่าผาง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 บ้านป่าผาง ตำบลนาตงวัฒนา อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2476 ณ. ศาลาวัดทุ่งป่าผาง ด้วยความร่วมมือร่วมมือร่วมใจของคณะสงฆ์ และชาวบ้านที่เห็นความสำคัญของการศึกษา มี ความต้องการให้บุตรหลานมีความรู้ความสามารถอ่านออกเขียนได้คิดเลขคล่องสามารถดำรงชีพ อยู่ในสังคมอย่างเป็นสุขโดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนประชาบาล ตำยลบ้านโพน 2 ( วัดทุ่งบ้านป่าผาง )  เปิดทำการสอน เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2476 ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ มีนักเรียนทั้งหมดจำนวน 30 คน เป็นนักเรียนชาย 15 คน เป็นนักเรียนหญิง 15 คน
ประวัติโรงเรียนบ้านป่าผาง
                     1.1ประวัติด้านอาคารสถานที่
         ปี พ.ศ. 2511  ทางราชการได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 7,500 บาท สร้างอาคารเรียนแบบ ป.ช จำนวน หลัง ห้องเรียน โดยชาวบ้านได้จำจองที่ดินสาธารณะประมาณ 10 ไร่ เป็นที่สร้างโรงเรียน  เมื่อวันที่ ธันวาคม 2511 ได้ย้ายโรงเรียนจาก ศาลาวัดทุ่งบ้านป่าผาง มาเรียน
ที่อาคาร และสถานที่แห่งใหม่ พร้อมกันนี้ได้ขออนุมัติเปลี่ยนชื่อ จากโรงเรียนวัดทุ่งป่าผางเป็นโรงเรียนบ้านป่าผาง  จนถึงทุกวันนี้ ในขณะนั้นมีข้าราชการครู จำนวน คน และมีนักเรียน จำนวน 113 คน  
ปี พ.ศ. 2519 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 180,000 บาท เพื่อสร้างอาคารเรียนแบบ ป.ฉ ขนาด ห้องเรียน
ปี พ.ศ. 2520 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 85,000 บาท สร้างบ้านพักครูแบบ อ1/2 จำนวน หลัง
ปี พ.ศ. 22 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 113,220 บาท สร้างบ้านพักครูแบบ อ1/2 จำนวน หลัง
และในปีนี้ทางโรงเรียนได้ขอให้สำนักงานที่ดิน ออก น.ส.ก เลขที่ 920 เล่มที่ 10 ก เลขที่ดิน 120 เนื้อที่
จำนวน 10 ไร่ 60 ตารางวา
ปี พ.ศ. 2523 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 11,000 บาท สร้างส้วม หลัง แบบ อ.และได้รับงบประมาณ 18,000 บาท สาร้างถังเก็บน้ำฝน ฝ.33
ปี พ.ศ. 2524 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 855,000 บาท สร้างอาคารเรียนแบบ สน 001
จำนวน หลัง ห้องเรียน งบประมาณ 149,700 บาท สร้างบ้านพักครูหลังที่ แบบ อ1/2
และงบประมาณ 23,937 บาท สร้างส้วมแบบ 401/3
ปี พ.ศ. 2527 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 30,000 สร้างอาคารอเนกประสงค์แบบ สปช. 203/2536
ปี พ.ศ. 2528 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 15,000 บาท สาร้างเรือนเพาะชำแบบ พ.จำนวน หลัง
ปี พ.ศ. 2529 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 20,000 บาท สร้างส้วมแบบ สปช. 601/26 จำนวน หลัง
           ในปีนี้ทางโรงเรียนได้ร่วมกับชาวบ้านจัดทำประปาโรงเรียนขึ้น โดยใช้งบประมาณ 12,000 บาท จากการร่วมทำบุญกองข้าว ตามประเพณีของท้องถิ่น
ปี พ.ศ. 2531 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 179,500 บาท สร้างต่อเติมชั้นล่างอาคารแบบ สน.001 และได้จัดสรรงบประมาณค่าติดตั้งไฟฟ้า 35,800 บาท ปีนี้โรงเรียนร่วมกับชาวบ้านได้สร้างโรงอาหาร โดยได้ร่วมกันจัดงานการกุศล ค่าก่อสร้าง 12,677 บาท พร้อมนี้ได้นำเงินที่เหลือจากการสร้างโรงอาหารไปดำเนินการต่อเติมระบบประปา ไปยังห้องส้วมหลังต่าง ๆ ด้วยงบประมาณ 3,000 บาท จัดทำซุ้มประตูโรงเรียนจำนวน
1,700 บาท สร้างแท่นพระพุทธรูป จำนวน 2,000 บาท ซื้อเครื่องขยายเสียง ชุด ราคา 4,800 บาท สร้างหอกระจายข่าว จำนวน 1,200 บาท เพื่อใช้ในงานประชาสัมพันธ์โรงเรียน ให้ข่าวสารแก่ครู นักเรียนและประชาชน
ปี พ.ศ. 2535 เกิดเพลิงไหม้อาคารเรียนแบบ ป.ฉ ขึ้นเมื่อเวลา 00.30 น. ของวันที่ 22 ธันวาคม 2535 ค่าเสียหายประมาณ 200,000 บาท ซึ่งทางโรงเรียนและชาวบ้านได้ร่วมกันแก้ปัญหาการขาดแคลนอาคารเรียน โดยช่วยกันสร้างอาคารเรียนชั่วคราว ขนาด กว้าง เมตร ยาว 12 เมตร ในปีเดียวกันนี้ คณะศิษย์เก่าได้สร้างกำแพงโรงเรียนให้ด้วยงบประมาณ จำนวน 50,800 บาท
ปี พ.ศ. 2536 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 164,000 บาท สร้างอาคารเรียนแบบ สปช. 105/29 จำนวน หลัง ห้องเรียน และได้รับจัดสรรงบประมาณ 60,000บาท สร้างถังเก็บน้ำฝนแบบ ฝ. 33 และได้เปิดขยายชั้นอนุบาลเป็นปีแรก
                       1.2 ประวัติด้านการศึกษา
ปี พ.ศ. 2476 เปิดสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ เป็นการศึกษาขั้นบังคับ ปี
ปี พ.ศ. 2521 เปิดสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ปี พ.ศ. 2522 เปิดสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ปี พ.ศ. 2527 เปิดสอนชั้นเด็กเล็กเพิ่มขึ้น มีนักเรียนจำนวน 24 คน
ปี พ.ศ. 2536 ได้เปิดสอนในระดับ อนุบาล มีนักเรียน จำนวน 29 คน และในปีนี้รับชั้นเด็กเล็ก
เป็นปีสุดท้าย มีนักเรียนเด็กเล็กจำนวน 31 คน
ปี พ.ศ. 2537 ได้จัดการศึกษาในระดับชั้นอนุบาล เป็นปีแรก
ปี พ.ศ. 2540 โรงเรียนได้เปิดสอนชั้นอนุบาล ขวบ ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ
ปี พ.ศ. 2541 ได้เปิดขยายโอกาสทางการศึกษา โดยเปิดชั้นมัธยมศึกษาปีที่ มีนักเรียน จำนวน 30 คน
ปี พ.ศ. 2542 ได้เปิดขยายโอกาสทางการศึกษา ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ปี พ.ศ. 2543 ได้เปิดขยายโอกาสทางการศึกษา ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้บริหารโรงเรียนตั้งแต่จัดตั้งโรงเรียนจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 9 คน สำหรับผู้บริหารโรงเรียนคนปัจจุบันคือ นายอุทัย  อินธิแสงย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าผางเมื่อวันที ธันวาคม 2544
 

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประวัติ เมย์ รัชนก


 นาทีนี้ วงการกีฬาไทยหลายคนคงจับตามอง "น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์" เจ้าของดีกรีแชมป์โลก 1 สมัย เป็นจุดเดียว หลังจากสร้างผลงานหักปากกาเซียนแบดมินตันทั่วโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน ว่าแล้วเราไปทำความรู้จัก น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ กันแบบเต็ม ๆ เลย

น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์

น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์

           น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2538 เป็นคนร้อยเอ็ดโดยกำเนิด โดย น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ เป็นลูกสาวของคุณพ่อวินัสชัย อินทนนท์ และคุณแม่คำผัน สุวรรณศาลา ปัจจุบัน น้องเมย์ รัชนก สังกัดโรงเรียนกีฬาแบดมินตันบ้านทองหยอด

          เส้นทางสู้กีฬาแบดมินตันของน้องเมย์ รัชนก เริ่มต้นมาตั้งแต่วัยเพียง 5 ขวบ และเมื่ออายุ 7 ขวบ น้องเมย์ ก็ได้ลงแข่งขันแบดมินตันไปครั้งแรก แม้จะแพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่น้องเมย์ก็ฝึกฝนเรื่อยมา จนมาคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรกในการแข่งขัน "อุดรธานีโอเพ่น" และจากนั้นเธอก็ครองแชมป์ในการแข่งขันมาโดยตลอด 

           ต้องยอมรับว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้องเมย์ ได้พัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งพัฒนาการเล่นให้เหนียวแน่นขึ้น ประกอบกับเป็นคนใจสู้ อยู่ในระเบียบวินัย ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก จนทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา น้องเมย์สร้างชื่อเสียงให้กับวงการลูกขนไก่ไทยอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นนักกีฬาสำคัญของทีมชาติไทยเคียงข้างนักแบดมินตันรุ่นพี่คนอื่น ๆ


           อย่างไรก็ตาม แม้ว่าน้องเมย์จะอายุเพียง 17 ปีในขณะนั้น แต่ความสามารถของเธอไม่ได้น้อยตามอายุเลย เพราะสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ครองแชมเปี้ยนแบดมินตันเยาวชนโลกถึง 3 สมัยซ้อน ซึ่งถือเป็นคนแรกของโลกที่สร้างประวัติศาสตร์ครองแชมป์เยาวชนโลกได้ 3 สมัยซ้อน หลังจากนั้นมา ชื่อเสียงของเธอก็เป็นที่รู้จักในวงการแบดมินตันโลก จนในปี พ.ศ.2552 ทางสหพันธ์แบดมินตันโลกก็มอบรางวัลนักแบดมินตันดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีให้กับน้องเมย์ และทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เส้นทางบนถนนนักตบลูกขนไก่ของน้องเมย์ยังอีกยาวไกลแน่นอน

           ส่วนในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 26 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย น้องเมย์ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เมื่อรวมพลังกับทีมแบดมินตันหญิงไทยช่วยกันปราบคู่ต่อสู้จากอินโดนีเซีย คว้าเหรียญทองแบดมินตันประเภททีมหญิงมาครองได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นการคว้าเหรียญทองในประเภทนี้มาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี สร้างความดีใจให้แฟน ๆ แบดมินตันชาวไทยเป็นอย่างมาก

          และนอกจากฝีมือที่ยอดเยี่ยมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ กีฬาชาวไทยชื่นชมน้องเมย์เป็นอย่างมากก็คือ การมีสัมมาคารวะ เพราะทุกครั้งที่น้องเมย์ลงทำการแข่งขัน เธอจะไหว้ทุกคนรอบสนาม ทั้งผู้ชม กรรมการ คู่ต่อสู้ แม้กระทั่งพนักงานที่คอยเช็ดพื้นสนามแบดมินตัน กลายเป็นภาพความประทับใจที่ตรึงเข้าไปในจิตใจของผู้ที่พบเห็น และทำให้ทุกคนหลงรัก และเอ็นดูเด็กสาวคนนี้ไปโดยทันที  


          ขณะที่การแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ น้องเมย์ก็สามารถทะลุได้ถึงรอบ 8 คนสุดท้าย ก่อนที่จะพ่ายให้กับหวัง ซิน มือ 2 ของโลกจากจีน ไปแบบประทับใจคนดู 1-2 เซต ซึ่งหลังจากจบเกมส์นี้ทำให้คนไทยหลายคนได้รู้จักน้องเมย์ รัชนกคนนี้มากขึ้น และติดตามผลงานของเธออยู่เรื่อยมา

          เข้าสู่ปี 2013 น้องเมย์ก็ยังคงพัฒนาฝีมือในการเล่นแบดมินตันอย่างต่อเนื่อง โดยในการแข่งขันรายการออลอิงแลนด์ และ สวิส โอเพ่น ซึ่งถือว่าเป็นรายการใหญ่ น้องเมย์สามารถคว้าตำแหน่งรองแชมป์ได้ทั้งสองรายการ ซึ่งสร้างความเสียดายแก่แฟนแบดมินตันชาวไทยเป็นอย่างมาก แต่ทุกคนก็ยังคงให้กำลังใจน้องเมย์ต่อไป และเชื่อว่าสักวันหนึ่งน้องเมย์จะทำได้สำเร็จ

          และน้องเมย์ก็ทำสำเร็จจริง ๆ ในการแข่งขัน อินเดีย ซูเปอร์ ซีรีส์ น้องเมย์ก็สามารถคว้าแชมป์ได้เป็นผลสำเร็จ นับเป็นการคว้าแชมป์ระดับซูเปอร์ซีรีส์ครั้งแรกอีกด้วย โดยเอาชนะ Pusarla Venkata Sindhu นักแบดมินตันจากอินเดียไปได้ และในช่วงนั้นเอง น้องเมย์ก็สามารถรั้งตำแหน่งนักแบดมินตัน มือ 3 ของโลก ซึ่งถือเป็นอันดับที่สูงที่สุดในชีวิตอีกด้วย

          เมื่อได้ลิ้มรสความสำเร็จแรก ความสำเร็จต่อไปก็ตามมา ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน น้องเมย์ รัชนก ก็สามารถคว้าแชมป์แบดมินตันโลก ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน ได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยการเอาชนะนักแบดมินตัน มือ 1 ของโลก หลี่ เสวี่ยรุ่ย ได้เป็นผลสำเร็จ 2-1 เซต และการคว้าแชมป์ครั้งนี้ ทำให้น้องเมย์ รัชนก เป็นแชมป์โลกรายการนี้ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

          ความสำเร็จของน้องเมย์ รัชนก ในครั้งนี้ ก็กลายเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริง ๆ
















วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หลักการท่องศัพท์ที่ง่ายๆ


UploadImage

อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งในการใช้ภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาแม่ ก็คือ การนึกคำศัพท์ที่เหมาะสมไม่ออก หรือแปลความหมายของคำศัพท์ที่พบไม่ได้ เพราะ ถึงจะรู้หลักแกรมม่าแน่นปึ๊ก แต่คำศัพท์ไม่ได้ ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันดี ถึงจะจำคำศัพท์ได้แม่นแบบ ติดแน่นฝังลึกอยู่ในสมองของเรา เคล็ดลับมีอยู่ 6 ประการ ก็คือ

1. ขยันอ่านภาษาอังกฤษ
อ่านมันให้หมด อะไรที่เป็นภาษาอังกฤษ อ่านได้หมด ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ บทความ เว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร การ์ตูน ใบปลิว ป้ายโฆษณา  ไปจนกระทั่งรอยจารึกข้างกำแพงห้องน้ำ (ถ้าคนมือบอนเขียนเป็นภาษาอังกฤษนะ)  เรียกได้ว่าขยันอ่านอะไรที่มันเป็นภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆ

อาจเกิดคำถามว่า จะอ่านไปให้มันได้อะไร ถ้ามันไม่รู้ความหมาย คำตอบคือ ได้ความคุ้นเคย ยิ่งอ่านมากก็จะยิ่งเจอคำศัพท์มาก เจอคำศัพท์ที่เราเคยเจอมา แล้วบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดคุ้นเคยกับศัพท์คำนั้น (ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ความหมายนั่นหล่ะ) จนเมื่อวันหนึ่งเรารู้ความหมายของ ศัพท์คำนั้น ไม่ว่าจะด้วยการเดาจากความหมายโดยรวมของประโยค หรือจากการเปิด พจนานุกรม เราก็จะจดจำความหมายของศัพท์คำนั้นได้อย่างแม่นยำ ทีนี้ถ้าเรา อ่านเยอะ  เราก็จะคุ้นเคยกับคำศัพท์เยอะแยะไปหมด
หรือแม้แต่คำศัพท์ที่เรารู้ความหมายอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยได้พบ ถ้าเราอ่านภาษาอังกฤษเยอะๆ เราก็จะมีโอกาสพบศัพท์คำนี้บ่อยขึ้น ทำให้เราไม่ ลืมความหมายของมันไปนั่นเอง

2. เล่นเกมประเภทฝึกคำศัพท์
มีอยู่หลากหลายเกม เช่น Scrabble, Word Chain, Hangman, Crosswords เป็นต้น เกมพวกนี้จะช่วยกระตุ้นให้เราจดจำและพัฒนาการใช้คำศัพท์ได้เป็นอย่างดี แถมยังให้ความสนุกสนานอีกด้วย เวลาเล่นก็ไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดกับกฎแบบเอาเป็นเอาตาย เล่นเพื่อความสนุกสนาน มันจะได้ไม่เบื่อเร็ว 
อย่างเช่นเกม Scrabble ก็แอบเปิดพจนานุกรมไปด้วยก็ได้ จะได้เจอคำศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ไม่ใช่ใช้แต่คำศัพท์ไม้ตายอย่าง "ant", "red" หรือ "hat"
ปัจจุบันเกมพวกนี้มีให้เล่นฟรีตามเว็บไซต์ต่างๆ มากมายจนเล่นกันไม่หมด ลอง เข้าไปในเว็บไซต์สืบค้นอย่าง Google แล้วค้นหาด้วยชื่อเกมที่ต้องการ 
ก็จะได้ผลการค้นหาออกมายาวเหยียด ยกตัวอย่างเช่น

http://thepixiepit.co.uk/scrabble (เกม Scrabble)
http://www.isc.ro (เกม Scrabble)
http://www.wordchains.com (เกม Word Chain)
http://www.buzzardgames.com/word_chain (เกม Word Chain)
http://www.hangman.no (เกม Hangman)
https://www.myfirstbrain.com/main_view.aspx?ID=54989 (เกม Hangman)
http://www.boatloadpuzzles.com/playcrossword (เกม Crosswords)
http://thinks.com/daily_crossword.htm (เกม Crosswords)

3. หัดใช้พจนานุกรมให้ติดเป็นนิสัย

อุปกรณ์สำคัญของการเรียนคำศัพท์ก็คือ "พจนานุกรม"  Dictionary) มีทั้งแบบอังกฤษ-ไทย, อังกฤษ-อังกฤษ และไทย-อังกฤษ ถ้ามีทุนทรัพย์พอก็ซื้อให้ครบทุกแบบเลยยิ่ง ดี หรืออาจจะเลือกแค่หนึ่งจากสองแบบแรกก็ได้
ปัจจุบันมีพจนานุกรมของหลายสำนักวางขายอยู่ในท้องตลาด การเลือกซื้อควรเลือก เล่มที่มีคำศัพท์จำนวนมาก แต่ต้องเป็นคำศัพท์ที่พบบ่อย ไม่ใช่เอาคำศัพท์ ประหลาดๆ ที่แทบไม่เคยพบในชีวิตประจำวัน มาใส่ให้เล่มมันหนาๆ เข้าไว้ นอกจากนั้นก็ต้องเลือกที่อธิบายความหมายของคำศัพท์ได้อย่างชัดเจน 
มีคำเหมือน มีคำตรงข้าม มีภาพประกอบ ถ้ามีตัวอย่างการใช้คำศัพท์ด้วยยิ่งดี
เป็นไปได้ควรมีพจนานุกรมคู่ใจเล่มหนึ่งติดตัวไปไหนมาไหนด้วย อาจจะไม่ต้อง เล่มหนามากเพื่อความสะดวกในการพกพาและหยิบฉวยขึ้นมาใช้ เมื่ออุตส่าห์พกไป แล้วก็ควรหยิบขึ้นมาใช้ให้บ่อยๆ จนติดเป็นนิสัยด้วย เวลาอ่านภาษาอังกฤษเจอ คำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย ก็หยิบพจนานุกรมคู่ใจขึ้นมาเปิดดูความหมายทันที 
จะได้ไม่ค้างคาใจ
มีผู้รู้หลายท่านแนะนำว่า ควรใช้พจนานุกรมแบบอังกฤษ-อังกฤษ จะดีกว่าแบบ อังกฤษ-ไทย เพราะแบบหลังนั้นเหมือนมีคนทำอาหารใส่จานมาวางไว้ให้ตรงหน้า 
เรามีหน้าที่แค่ตักใส่ปากรับประทาน ทำให้ไม่ค่อยรู้คุณค่าของอาหาร ไม่นานก็ลืมรสชาติ แต่พจนานุกรมแบบอังกฤษ-อังกฤษ เราจะต้องมาแปลความหมายของ ความหมายอีกต่อหนึ่ง ซึ่งแม้จะต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิม แต่ก็ช่วยให้ เราจดจำความหมายของคำศัพท์ได้ดีกว่าด้วย

4. จดบันทึกคำศัพท์ใหม่ไว้ทบทวน
เมื่อพบคำศัพท์ใหม่ควรจดคำศัพท์และความหมายใส่ในกระดาษไว้ทบทวนกันลืมในภาย หลัง ได้หลายๆ แผ่นเข้าก็เย็บรวมเป็นเล่ม กลายเป็น "สมุดจดคำศัพท์" ที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือของเราเอง ข้อดีที่เห็นได้ชัดของการทำสมุดจดคำศัพท์ ส่วนตัวก็คือ ช่วยให้เราจำคำศัพท์ได้แม่นขึ้น เพราะขณะที่เราท่องคำศัพท์ตาม ปกติ จะใช้ทักษะเพียงด้านเดียวคือ การอ่าน แต่เมื่อเราจดคำศัพท์ลงในกระดาษ เราจะต้องใช้ทั้งทักษะการอ่านและ การเขียน ทำให้สมาธิของเราจดจ่ออยู่กับคำศัพท์นั้นมากขึ้น จึงจำได้แม่นขึ้น ด้วย อีกประการหนึ่งก็คือ การหยิบสมุดจดคำศัพท์ขึ้นมาทบทวนในยามว่าง เป็นการฆ่า เวลาอย่างคนฉลาด 
ดีกว่าฆ่าเวลาด้วยการส่ง BB ไปเม้าท์กับเพื่อนเรื่องไร้สาระเป็นไหนๆ

5. ใช้เพื่อนเป็นตัวช่วย
บางครั้งนั่งท่องศัพท์คนเดียวนานๆ เข้ามันก็เบื่อ ลองหาเพื่อนสักหนึ่งคนหรือหนึ่งกลุ่มที่มีอุดมการณ์เดียวกัน กับเรา คือ อยากฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้น แล้วเอาสมุดจดคำศัพท์ของตัวเองขึ้นมา ผลัดกัน ถาม-ตอบความหมายของคำศัพท์ นอกจากจะช่วยให้จำคำศัพท์ได้อย่างสนุกสนาน แล้ว ในกรณีที่เจอคำศัพท์ซึ่งเราจดความหมายไว้ไม่ตรงกับของเพื่อน ก็ไปเปิด ดูความหมายที่แท้จริงในพจนานุกรม ถือเป็นการเช็คความถูกต้องไปด้วยในตัว

เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เพียง 5 ข้อนี้ ก็พอจะช่วยให้เราท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้อย่างแม่นยำ ถูกต้อง สนุกสนาน และจำฝังใจได้มากกว่าการท่องจำแบบเดิมๆ เยอะเลยทีเดียว แล้วอย่าลืมลองนำไปใช้กันดูด้วยนะ

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความสำคัญของภาษาไทย


ความสำคัญของภาษาไทย
        1.เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร
การดำเนินชีวิตประจำวันและในการประกอบอาชีพจะมีการติดต่อสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจเรื่องราว ความรู้สึก ความนึกคิด ความต้องการของแต่ละฝ่าย ซึ่งได้แก่ผู้ส่งสาร ซึ่งจะส่งสารโดยแสดงพฤติกรรมในรูปของการพูด การเขียน หรือแสดงด้วยท่าทาง ส่วนผู้รับสารจะรับสารด้วยการฟัง การดู หรือการอ่าน แต่ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารหรือรับสารก็ตาม เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้เป็นสะพานเชื่อมโยงเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันคือ ภาษา

       2.เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และแสวงหาความรู้ 
บรรพบุรุษไทยได้สร้างสรรค์ สะสม อนุรักษ์และถ่ายทอดเป็นวัฒนธรรมให้เป็นมรดกของชาติโดยใช้ภาษาไทยเป็นสื่อ คนรุ่นหลังจึงใช้ภาษาไทยเป็นเครื่องมือในการศึกษาแสวงหาความรู้ ประสบการณ์ และรับสิ่งที่เป็นประโยชน์มาใช้ในการพัฒนาตนเอง ทั้งการพัฒนาสติปัญญา กระบวนการคิด การวิเคราะห์ การวิพากษ์วิจารณ์ การแสดงความคิดเห็น ทำให้เกิดความรู้และประสบการณ์ที่งอกงาม กลายเป็นผู้ที่มีชีวทัศน์และโลกทัศน์ที่สอดคล้องกับยุคสมัย สามารถติดตามความเจริญก้าวหน้าของศาสตร์ต่างๆ จึงรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกปัจจุบัน ซึ่งนำมาพัฒนาประเทศชาติได้อย่างดี

       3.เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน
ในประเทศไทยนอกจากจะมีภาษาไทยกลางซึ่งเป็นภาษาประจำชาติแล้ว เรายังมีภาษาถิ่นต่างๆ ซึ่งเป็นภาษาที่ติดต่อกันเฉพาะในกลุ่ม และเมื่อกำหนดให้ภาษาไทยกลางเป็นภาษามาตรฐานเป็นภาษาที่ใช้ร่วมกัน ทำให้การสื่อสารเข้าใจตรงกันทั้งในการศึกษา ในทางราชการ และในสื่อสารมวลชน การใช้ภาษาไทยกลางช่วยเสริมสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันในสังคมไทยโดยส่วนรวม

       4.เป็นเครื่องมือในการบันทึกและถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของบรรพบุรุษในรูปของวรรณคดีและวรรณกรรม
การอ่านและการศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมแต่ละสมัย ทำให้ชนรุ่นหลังรับรู้และเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้แต่ง เข้าใจสภาพความเป็นอยู่ เข้าใจเหตุการณ์ เข้าใจลักษณะสังคม และสังคมของผู้คนในสมัยนั้นๆ

       5.เป็นเครื่องมือสร้างเอกภาพของชาติ
การที่ประเทศไทยมีภาษาไทยกลางเป็นมาตรฐานที่ใช้ร่วมกัน มีภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นชาติที่มีความเจริญรุ่งเรือง มีอารยธรรม การใช้ภาษาไทยในการนติดต่อสื่อสารทำให้เกิดความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเกิดความผูกพันเป็นเชื้อชาติเดียวกัน ทำให้เกิดความปรองดองและร่วมมือกันที่นะพัฒนาชาติไทยให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงต่อไป
       6.เป็นเครื่องมือช่วยจรรโลงใจ
ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีเสียงไพเราะเมื่อผู้เขียนได้นำมาแต่งเป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง เมื่อใครได้อ่านได้ฟังก็จะเกิดความรู้สึกชื่นบาน เกิดความจรรโลงใจ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของอะไรก็ตามซึ่งเป็นเรื่องราวที่ช่วยให้เกิดความจรรโลงใจ และความชื่นบานนี้จำเป็นต้องอาศัยภาษาเป็นสื่อ ภาษาไทยจึงมีความสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตคนไทยมีความสดชื่น รื่นรมย์ มีสุขภาพจิตที่ดี ไม่เคร่งเครียด เกิดความคิดสร้างสรรค์ และสังคมดำรงอยู่ได้ด้วยด

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การใช้โปรแกรม excel อย่างลึกซึ้ง


  • 1. แนะนํา Microsoft Excel ครูพีรญา ดุนขุนทด
  • 2. แนะนํา Microsoft Excel Microsoft Excel เป็ นโปรแกรมประเภท สเปรดชี ต(spreadsheet) หรื อตารางคํานวณอิเล็กทรอนิกส์ทีใช้ เก็บบันทึกข้ อมูลในลักษณะต่างๆ ซึงส่วนใหญ่ มักเก็บข้ อมูลประเภทการคํานวณ โดยจะเก็บข้ อมูลลงในตารางสีเหลียมทีเรี ยกว่า เซลล์ (Cell) ทีสามารถนําเอาเซลมาอ้ างอิงใส่ในสูตร เพือให้ โปรแกรมคํานวณหาผลลัพธ์จากข้ อมูลทีบันทึกไว้ ได้ ครูพีรญา ดุนขุนทด 2
  • 3. คุณสมบัตของโปรแกรม Excel ิ1.สร้ างและแสดงรายงานของข้ อมูล ตัวอักษร และตัวเลข โดยมี ความสามารถในการ จัดรูปแบบให้ สวยงามน่าอ่าน2. อํานวยความสะดวกในด้ านการคํานวณต่าง ๆ3. สร้ างแผนภูมิ (Chart) ในรูปแบบต่าง ๆ เพือใช้ ในการแสดงและ การเปรี ยบเทียบข้ อมูลได้ หลายรูปแบบ4. มีระบบขอความช่วยเหลือ (Help) ทีจะคอยช่วยให้ คําแนะนํา ช่วย ให้ ผ้ ใช้ สามารถทํางานได้ อย่างสะดวกและรวดเร็ ว ู ครูพีรญา ดุนขุนทด 3
  • 4. คุณสมบัตของโปรแกรม Excel ิ5. มีความสามารถในการค้ นหาและแทนทีข้ อมูล โดยโปรแกรม จะต้ องมี ความสามารถในการค้ นหาและแทนทีข้ อมูล6. มีความสามารถในการจัดเรี ยงลําดับข้ อมูล7. มีความสามารถในการจัดการข้ อมูลและฐานข้ อมูล ครูพีรญา ดุนขุนทด 4
  • 5. องค์ ประกอบทีสําคัญของ Excel 2007 ประกอบด้ วย1. แม่ แบบใหม่ แม่แบบใหม่จากเมนูเริ ม (Start) สร้ างเอกสาร Microsoft Office จะเปิ ดหน้ าต่าง แม่แบบใหม่ หรื อใช้ แม่แบบ Microsoft Office Online จากปุ่ ม Office ครูพีรญา ดุนขุนทด 5
  • 6. องค์ ประกอบทีสําคัญของ Excel 2007 ประกอบด้ วย ครูพีรญา ดุนขุนทด 6
  • 7. องค์ ประกอบทีสําคัญของ Excel 2007 ประกอบด้ วย 2. ปุ่ ม Office ปุ่ ม Office คือ ปุ่ มทีใช้ ควบคุมคําสังหลักเกียวกับการสร้ างแฟม การเปิ ด ้ แฟ ม การ บัน ทึ ก การบัน ทึ ก เป็ น การพิ ม พ์ การส่ ง การจัด เตรี ย ม การ ้ ประกาศ การปิ ด เอกสารล่าสุด และ ตัวเลือกของ Excel ครูพีรญา ดุนขุนทด 7
  • 8. องค์ ประกอบทีสําคัญของ Excel 2007 ประกอบด้ วย 3. แถบเครื องมือใหม่ ทใช้ ควบคุมคําสังในโปรแกรม ี 3.1 Ribbon Ribbon คือ แถบเครื องมือชุดคําสังทีแบ่งเป็ นแท็บ ๆ อยูสวนบน ่ ่ ของหน้ าต่าง รองจากแถบชือ (Title bar) ซึงมาแทนแถบเมนูใน โปรแกรมเก่า ครูพีรญา ดุนขุนทด 8
  • 9. องค์ ประกอบทีสําคัญของ Excel 2007 ประกอบด้ วย 3.2 ปุ่ มคําสัง ปุ่ มคําสัง เป็ นปุ่ มไอคอนทีใช้ สงงาน ซึงอยูในกลุมชุดคําสังบนแท็บคําสัง ั ่ ่ 3.3 แท็บคําสัง แท็บคําสัง คําสังต่าง ๆ จะแสดงและรวมอยูด้วยกัน เพือให้ สามารถหา ่ ปุ่ มคําสัง ทีต้ องการใช้ ได้ ตามต้ องการ เริ มต้ นมีอยู่ 7 แท็บ ครูพีรญา ดุนขุนทด 9
  • 10. องค์ ประกอบทีสําคัญของ Excel 2007 ประกอบด้ วย 3.4 แท็บคําสังตามบริบท แท็บคําสังตามบริ บท เป็ นแท็บคําสังทีจะปรากฏตามบริ บทของงาน คือ วัตถุที กําลังทํางานด้ วยหรื องานทีกําลังทําอยู่ แท็บนีจะมีสีสนและมีคําสัง ั ทีเหมาะสําหรับนําไปใช้ กบสิงที เรากําลังทํางานอยูมากทีสุด ั ่ ครูพีรญา ดุนขุนทด 10
  • 11. องค์ ประกอบทีสําคัญของ Excel 2007 ประกอบด้ วย 3.5 แถบเครืองมือด่ วน แถบเครื องมือด่วน เป็ นแถบเครื องมือมาตรฐานเดียวทีปรากฏใน Ribbon เพือให้ เข้ าถึงคําสังทีจําเป็ นมากทีสุดอย่างทันใจในคลิกเดียว เช่น บันทึก เลิก ทํา ฯลฯ โดยสามารถ เพิมเติมคําสังได้ จากรายการคําสังเพิมเติม... และการ เพิมโดยคลิกขวาทีปุ่ มคําสังของ Ribbon ครูพีรญา ดุนขุนทด 11
  • 12. องค์ ประกอบทีสําคัญของ Excel 2007 ประกอบด้ วย 3.6 แถบเครืองมือขนาดเล็ก แถบเครื องมือขนาดเล็ก มีองค์ประกอบคล้ ายกับแถบเครื องมือ โดย จะปรากฏ เป็ นแบบโปร่งใสอยูเ่ หนือข้ อความทีเราเลือก เมือเลือนเมาส์ ไปทีแถบเครื องมือ จะแสดงให้ เห็นชัด ขึน เพือให้ เราสามารถใช้ การ จัดรูปแบบได้ อย่างง่ายดาย เช่น ตัวหนาหรื อตัวเอียง หรื อเปลียนแบบ อักษร ครูพีรญา ดุนขุนทด 12
  • 13. การเรี ยกใช้ โปรแกรม Microsoft Excel การเรี ยกใช้ โปรแกรม Microsoft Excel นัน สามารถเรี ยกใช้ ได้ 2 วิธีง่ายๆ คือ 1. Double Click ทีหน้ า Desktop 2. Click ปุ่ ม Start --> Programs --> Microsoft Excel ครูพีรญา ดุนขุนทด 13
  • 14. แนะนําหน้ าตาโปรแกรม Microsoft Excel ครูพีรญา ดุนขุนทด
  • 15. แถบเครื องมือ ครูพีรญา ดุนขุนทด 15
  • 16. รู ปแบบการจัดเก็บข้ อมูลข้ อมูลทีบันทึกใน Excel จะถูกจัดเก็บไฟล์ ทเรี ยกว่ า Workbook ซึง ีแต่ ละ workbook อาจประกอบด้ วยตารางข้ อมูลหลายหน้ า โดยตารางข้ อมูลแต่ ละหน้ านีมีชือเรี ยกว่ า Worksheetการมีหลาย Worksheet ใน Workbook เดียวทําให้ เราสามารถจัดข้ อมูลได้ อย่ างเป็ นหมวดหมู่โดยแยกเก็บใน Worksheet ทีแตกต่ างกัน ครูพีรญา ดุนขุนทด 16
  • 17. รู ปแบบการจัดเก็บข้ อมูล (ต่ อ)ถึงแม้ ว่าในแต่ ละ Workbook หรื อในแต่ ละ Worksheet สามารถเก็บข้ อมูลได้ เป็ นจํานวนมาก โดยแต่ ละ Worksheet สามารถบันทึกข้ อมูลทีอยู่ในรู ปของตารางได้ มากถึง 256x65536 ช่ อง แต่ก็ไม่ แนะนําให้ เก็บข้ อมูลทังหมดไว้ ใน Workbook เดียว เพราะเมือ Workbook มีขนาดใหญ่ จะทําให้ เครื องคอมพิวเตอร์ ต้องใช้พืนทีในหน่ วยความจํามากขึน ซึงจะทําให้ Excel ทํางานช้ าลงดังนันจึงขอแนะนําให้ แยกเก็บข้ อมูลใน Workbook หลายWorkbook โดยเฉพาะอย่ างยิง ถ้ าลักษณะของข้ อมูลไม่ เกียวข้ องกัน ครูพีรญา ดุนขุนทด 17
  • 18. รู ปแบบการจัดเก็บข้ อมูล (ต่ อ)Worksheet จะถูกแบ่ งเป็ นช่ องๆ ตามแนวแถว (Row)และคอลัมน์ (Column) ช่ องเหล่ านีสามารถเก็บข้ อมูลได้และทีมีชือเรี ยกว่ า “เซล” สําหรั บเซลทีมีกรอบเส้ นดําทึบล้ อมรอบคือเซลทีพร้ อมรั บข้ อมูลทีเราพิมพ์ จากคีย์บอร์ ดเมือเราต้ องการปอนข้ อมูลในเซลใดเราต้ องเลือนกรอบดํา ้ไปทีเซลนันก่ อนโดยใช้ เมาส์ หรื อคีย์บอร์ ด ครูพีรญา ดุนขุนทด 18
  • 19. รู ปแบบการจัดเก็บข้ อมูล (ต่ อ)ในการสร้ างชีต (Worksheet) ของ Excel จะต้ องศึกษา เซลล์ (Cell) หมายถึง เส้ นแถวและเส้ นคอลัมน์ ตดกัน ทําให้ เกิด ั ตารางเป็ นช่ องๆ แต่ ละช่ องจะมีชือกํากับไว้ เช่ น A1 คือ คอลัมน์ ที A และอยู่แถวที 1 เป็ นต้ น ครูพีรญา ดุนขุนทด 19
  • 20. รู ปแบบการจัดเก็บข้ อมูล (ต่ อ)ในการสร้ างชีต (Worksheet) ของ Excel จะต้ องศึกษา ชีต (Worksheet) หมายถึงหลายๆ เซลล์ รวมเป็ น 1 ชีต ซึงเป็ น พืนทีทํางานทีเราสามารถเห็นได้ ทงหมด ั ครูพีรญา ดุนขุนทด 20
  • 21. รู ปแบบการจัดเก็บข้ อมูล (ต่ อ)ในการสร้ างชีต (Worksheet) ของ Excel จะต้ องศึกษา สมุดงาน (Workbook) หมายถึงแฟมข้ อมูลของ Excel นันเอง ้ ซึงประกอบด้ วยหลายๆ ชีต เช่ น Sheet1,Sheet2,Sheet3 สามารถเปลียนชือ Sheet เหล่ านีได้ และมีมากสุดถึง 255 ชีต รวมเป็ น 1 สมุดงาน ครูพีรญา ดุนขุนทด 21
  • 22. การปิ ด Workbook หลังจากทีเราทําการบันทึกข้ อมูลใน Workbook แล้ วหากเราไม่ ต้องใช้ Workbook นันต่ อไปก็ควรปิ ด Workbook นันเสีย โดยไปที เมนูแฟม --> ปิ ด ้ หากยังไม่ ได้ บันทึกข้ อมูลใน Workbook ทีสังปิ ด Excel จะถามว่ า ต้ องการบันทึกข้ อมูลหรือไม่ Yes ถ้ าต้ องการบันทึกข้ อมูล No ถ้ าไม่ ต้องการบันทึกข้ อมูล Cancel เพือยกเลิกคําสังปิ ด Workbook ครูพีรญา ดุนขุนทด 22
  • 23. ออกจากโปรแกรม Microsoft Excel การออกจากโปรแกรม Microsoft Excel นัน สามารถทําได้ 3 วิธีง่ายๆ คือ 1. Double Click ทีแถบชือเรื องหรื อ Title Bar 2. Click ทีมุมบนขวาของหน้ าต่ างโปรแกรม 3. เลือกปุ่ ม Office --> ออกจาก Excel ครูพีรญา ดุนขุนทด 23
  • 24. ออกจากโปรแกรม Microsoft Excel ครูพีรญา ดุนขุนทด 24
  • 25. “ The End ” ครูพีรญา ดุนขุนทด

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หลักการในการชนะมิตรและจูงใจผู้อื่น


หลักการในการชนะมิตรและจูงใจผู้อื่น

การเป็นบุคคลที่เป็นมิตรมากยิ่งขึ้น

1. ไม่วิพากษ์วิจารณ์ ประณาม หรือบ่นว่า

2. ชื่นชมอีกฝ่ายหนึ่งอย่างซื่อตรงและจริงใจ

3. กระตุ้นผู้อื่นให้เกิดความต้องการที่กระตือรือร้น

4. ให้ความสนใจผู้อื่นอย่างจริงใจ

5. มีรอยยิ้มเสมอ

6. จำไว้ว่า ชื่อของคน แต่ละคน เป็นคำที่ไพเราะเสนาะหู และสำคัญที่สุดสำหรับบุคคลผู้นั้น

7. เป็นผู้ฟังที่ดี และสนับสนุนให้ผู้อื่นพูดถึงเรื่องของตัวเอง

8. พูดในสิ่งที่อีกฝ่ายสนใจ

9. ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ และทำเช่นนั้นด้วยความจริงใจ

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

ศิลปะการจูงใจผู้อื่นเพื่อให้ผู้อื่นคล้อยตาม

10. วิธีจัดการกับความโต้แย้งที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงการโต้แย้ง

11. เคารพในความคิดเห็นของผู้อื่น และไม่กล่าวว่าอีกฝ่ายผิด

12. ยอมรับความผิดในทันทีด้วยความสำนึก

13. เริ่มต้นด้วยความเป็นมิตร

14. ทำให้ผู้อื่นตอบตกลงว่า ใช่ครับ ใช่ค่ะ” ในทันที

15. ให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้พูดมากกว่าตนเอง

16. ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าความคิดนั้นๆเป็นของเขา

17. พยายามอย่างจริงใจ ในการทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ จากมุมมองของอีกฝ่ายหนึ่ง

18. เข้าอกเข้าใจในความคิด และความปรารถนาของอีกฝ่ายหนึ่ง

19. อาศัยแรงจูงใจที่มีเกียรติ และที่คนผู้นั้นยกย่องในการชักจูง

20. นำเสนอความคิดของคุณผ่านการถ่ายทอดอย่างสร้างสรรค์

21. ให้ผู้อื่นทำในสิ่งที่ท้าทาย



การเป็นผู้นำ

22. เริ่มต้นด้วยการยกย่องและชื่นชมผู้อื่นอย่างจริงใจ

23. กล่าวถึงความผิดพลาดของผู้อื่นในทางอ้อม

24. พูดถึงความผิดพลาดในส่วนของตน ก่อนวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น

25. ใช้การตั้งคำถาม แทนการออกคำสั่งโดยตรง

26. ไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหน้า

27. ชมเชยผู้อื่น เมื่อมีการพัฒนาแม้เพียงเล็กน้อย ด้วยความจริงใจ และชมอย่างเต็มที่

28. ยกย่องผู้อื่นให้มีภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อให้เขารักษาความดีนั้นไว้

29. ให้กำลังใจและทำให้ความผิดพลาด เป็นเรื่องที่ง่ายต่อการแก้ไข

30. ทำให้อีกฝ่ายมีความสุขในการทำสิ่งที่คุณแนะนำ



หลักการพื้นฐานเพื่อก้าวข้ามความกังวล

1. จงอยู่กับปัจจุบัน (Day-tight compartment)

2. แนวทางสำหรับการเผชิญปัญหา

a. จงถามตนเองว่า อะไรเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้น?”

b. เตรียมพร้อมรับความเป็นไปได้ที่แย่ที่สุด

c. พยายามปรับปรุงสิ่งที่แย่ที่สุดเท่าที่พึงกระทำได้

3. จงเตือนตนเองถึงผลกระทบด้านสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์อันเกิดความกังวลของคุณ

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

เทคนิคพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์ความกังวล

1. รวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด

2. พิจารณาและชั่งน้ำหนักข้อเท็จจริงเหล่านั้นและตัดสินใจ

3. เมื่อตัดสินใจแล้ว ให้ดำเนินการในทันที

4. เขียนคำตอบของคำถาม ต่อไปนี้

a. ปัญหาที่เผชิญ คือ อะไร?

b. อะไร คือ สาเหตุของปัญหา?

c. แนวทางใด ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้?

d. แนวทางแก้ไขปัญหาใด ที่เหมาะสมที่สุด?



หยุดวิตกก่อนที่ความกังวลจะกระทบต่อชีวิตของคุณ

1. อย่าทำตัวให้ว่าง

2. อย่าสนใจสิ่งเล็กน้อยหรือเรื่องที่ไม่มีนัยสำคัญ

3. ใช้หลักเหตุผลทั่วไป ในการระงับความกังวลอย่างไร้เหตุผล

4. ยอมรับสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

5. กำหนดให้ชัดเจนว่า เราจะกังวลกับเรื่องหนึ่งๆ เพียงใด และอย่าไปเพิ่มความกังวล

ให้กับเรื่องนั้นอีก

6. อย่ากังวลกับอดีต

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

เก็บเกี่ยวทัศนคติที่นำมาซึ่งความสงบของจิตใจ และความสุข

1. เติมเต็มจิตใจของคุณด้วยความคิดเกี่ยวกับความสงบ ความกล้า สุขภาพ และความหวัง

2. เวร ต้องระงับ ด้วยการไม่จองเวร

3. เตรียมใจยอมรับ การที่ผู้อื่นไม่สำนึกถึงบุญคุณของคุณ

4. ตระหนักถึงความโชคดีของตน อย่านับแต่ปัญหาที่ต้องเผชิญ

5. อย่าเลียนแบบผู้อื่น

6. จงเรียนรู้และใช้ประโยชน์ จากความผิดพลาดของตน

7. สร้างความสุขให้แก่ผู้อื่น



วิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะความกังวล

1. สวดภาวนา

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

อย่ากังวลกับการวิพากษ์วิจารณ์

1. ตระหนักไว้เสมอว่า คำวิจารณ์ที่ไม่มีเหตุรองรับมักเป็นคำชมที่ถูกซ่อนเร้น

2. ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่

3. วิเคราะห์ความผิดพลาดของตน และวิพากษ์วิจารณ์ตนเอง

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

ป้องกันความเหนื่อยล้าและความกังวล และรักษาพลังงาน กำลังใจให้เข้มแข็ง

1. หยุดพัก ก่อนที่คุณจะเหนื่อยล้า

2. เรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย ในขณะทำงาน

3. รักษาสุขภาพและภาพลักษณ์ของคุณ โดยพักผ่อนที่บ้าน

4. นำนิสัยในการทำงานที่ดีทั้ง ประการ ไปปรับใช้

a. ให้มีเฉพาะเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานที่กำลังดำเนินการ อยู่บนโต๊ะทำงานของคุณ

b. ทำสิ่งต่างๆ ตามลำดับของความสำคัญ

c. เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาให้แก้ไขปัญหานั้นทันที หากมีข้อมูลเพียงพอที่จะตัดสินใจ

d. เรียนรู้การจัดระเบียบ มอบหมายงาน และควบคุมงาน

5. กระตือรือร้นในการทำงานอย่างสม่ำเสมอ

6. อย่ากังวลกับ อาการนอนไม่หลับ

จาก forward mail
รศ.นายสัตวแพทย์พงฐ์ศักดิ์  ศรีธเนศชัย

วิธีทำให้ผมยาวเร็วขึ้น โดยวิธี”ธรรมชาติ”>>

วิธีทำให้ผมยาวเร็วขึ้น โดยวิธี”ธรรมชาติ”
 โหวตเลย!

มีข้อมูลเกี่ยวกับการทำให้ผมยาวเร็วขึ้นมาฝากจ้า :D
( ถ้าซ้ำก็ขออภัยด้วยนะจ๊ะ )

วิธีทําให้ผมยาวเร็ว การทำให้ผมยาวเร็ว เป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์กันมาแล้ว ว่าได้ผลจริง ซึ่งไม่มหัศจรรย์มากมาย แต่อาศัยวิธีธรรมชาติ เท่านั้น
โดยควรทำตามดังนี้จ้า
1. วิธีทําให้ผมยาวเร็วโดยการออกกำลังกายให้เส้นผม เส้นผมเป็นส่วนที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดและเส้นประสาทต่างๆ เซลล์รากผมก็ยังจัดว่าเป็นเซลล์ที่มีอัตราการเติบโตเร็วมากๆ ดังนั้นแล้ว หากได้รับการกระตุ้น รากผมย่อมสามารถที่จะโตได้อย่างรวดเร็ว ทำได้โดยเร่งให้ผมยาวด้วยการก้มศีรษะให้เลือดไปเลี้ยงที่ศีรษะค้างไว้ 30 วินาที ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาทำเช่นนี้ทุกวัน เลือดจะไหลเวียนไปเลี้ยงเส้นผม ทำให้เส้นผมแข็งแรงและยาวเร็วขึ้นด้วย

2. วิธีทําให้ผมยาวเร็วโดยการเพิ่มโปรตีน เซลล์ส่วนใหญ่ในร่างกายเราสามารถถูกทำให้สึกหรอได้เช่นไร ผมก็เช่นกัน แล้วโปรตีนมีประโยชน์ต่อร่างการยังไง ก็มีประโยชน์กับเส้นผมอย่างนั้นโปรตีนสามารถปกป้องและซ่อมแซมเส้นผม ลดการหลุดร่วงและการแตกหักของเส้นผม ทำให้เส้นผมแข็งแรง และยาวเร็วขึ้นได้ ดังนั้นควรกินอาหารที่มีโปรตีน เช่น นมถั่วเหลือง เนื้อสัตว์

3. วิธีทําให้ผมยาวเร็วโดยการกินปลา ปลา พืชผักใบเขียว และบลูเบอรี่เป็นอาหารที่ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ฉะนั้นบริเวณใดก็ตามในร่างกายที่มีเลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงได้ดีจะทำให้ ร่างกายบริเวณนั้นแข็งแรง มีชีวิตชีวา รวมไปถึงเส้นผมบนศีรษะด้วย

4. วิธีทําให้ผมยาวเร็ว การนวดศีรษะจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตบนศีรษะ และยังจะช่วยทำให้เส้นผมเติบโตเร็วขึ้น การนวดศีรษะอาจทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านในขณะสระผม โดยการใช้นิ้วมือกดและนวดไปตามจุดบนศีรษะอย่างเบามือ

5. วิธีทําให้ผมยาวเร็วโดยการหวีผมให้ถูก หลีกเลี่ยงการทำให้เส้นผมขาดและหลุดร่วงด้วยการไม่หวีผมขณะยังเปียกอยู่ เลือกใช้หวีซีกใหญ่และห่างในการหวีผมช่วงผมเปียกแทน

6. วิธีทําให้ผมยาวเร็วโดยการตัดผมบ้าง การเล็มผมบ่อย ๆ จะช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้น และยังเป็นการกำจัดผมแตกปลายไปในตัวด้วย

7. วิธีสุดท้ายเห็นผลเร็วแน่นอน โดยการต่อผม ลองมองหาร้านทำผมที่มีบริการต่อผมดู ให้เลือกใช้บริการร้านต่อผมที่ค่อนข้างมีประสบการณ์จะดีกว่าเพราะอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าร้านที่ไม่มีประสบการณ์

ขอขอบคุณ: www.eazydo.com
ลองไปทำตามดูนะ ^0^ ได้ผลรึเปล่าหรือมีวิธีอื่นลองเอามาแชร์กันนะจ๊ะ