วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เส้นทางสู่อาชีพทนายความ

เส้นทางสู่อาชีพทนายความ

สู่การเป็นทนายความ

อาชีพทนายความเป็นวิชาชีพแขนงหนึ่งที่ผู้ที่จะเป็นทนายความได้นั้น ต้องมีใบอนุญาตว่าความ ซึ่งออกให้โดยสภาทนายความ เช่นเดียวกับ แพทย์, วิศวกร, หรือสถาปนิก ที่ต้องมีใบอนุญาตเช่นเดียวกัน เป็นต้น ฉะนั้น ผู้ที่จะเป็นทนายความได้นั้น จะต้องผ่านกระบวนการอบรม ฝึกฝนตนเองมาก่อนๆที่จะได้รับใบอนุญาต ซึ่งกระบวนการและขั้นตอนต่างๆก็คือ 

ขั้นแรก 
ผู้ที่จะเป็นทนายความนั้น จะต้องจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ เท่านั้น คณะอื่นไม่ได้ 

ขั้นที่สอง 
จะต้องผ่านการอบรมจากสภาทนายความ ซึ่งจะเปิดการอบรมปีละ 1 รุ่น ช่วงประมาณปลายปี ราวๆเดือนสิงหาคม หรือกันยายน ซึ่งจะใช้เวลาอบรมเกี่ยวทฤษฎีประมาณเดือนเศษๆ จากนั้นจะมีการทดสอบความรู้ที่อบรมไปหนึ่งครั้ง หากสามารถสอบผ่านได้ก็จะมีสิทธิเข้าฝึกงานในสำนักงานทนายความซึ่งใช้เวลาประมาณ 6 เดือน แต่ถ้าสอบครั้งแรกไม่ผ่านยังมีโอกาสสอบแก้ตัวได้หนึ่งครั้ง หากยังไม่ผ่านอีกจะไม่สามารถเข้าฝึกงานได้ และจะต้องรอสมัครในรุ่นต่อไป เมื่อผ่านการฝีกงานในสำนักงานทนายความจนครบตามเวลาที่กำหนดแล้ว จะต้องกลับมาสอบข้อเขียนอีกครั้งหนึ่ง และหากสอบผ่านได้ก็จะเป็นการสิ้นสุดกระบวนการอบรม และสามารถยื่นขอใบอนุญาตได้ทันทีที่เอกสารพร้อม สำหรับการอบรมนี้ หากผู้ใดที่ไม่ประสงค์ที่จะอบรม ก็สามารถทำวิธีอื่นได้คือ จะต้องเข้าไปฝึกงานอยู่กับสำนักงานทนายความเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งก่อนจะเริ่มฝึกจะต้องไปแจ้งเรื่องที่สภาทนายความให้ทราบก่อน แล้วจึงนับเวลาไป 1 ปี เมื่อครบหนึ่งปีแล้วจะต้องมาสอบ 1 ครั้ง จึงจะมีสิทธิขอใบอนุญาต แต่วิธีนี้ตามที่เขาเล่าขานกันมา บอกว่าข้อสอบยากกว่าวิธีเข้ารับการอบรม จะจริงเท็จแค่ไหนผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน 

ขั้นที่สาม   ก่อนที่จะขอใบอนุญาตเป็นทนายความ จะต้องสมัครเป็นสมาชิกวิสามัญของเนติบัณฑิตยสภาเสียก่อน แล้วจึงนำหลักฐานการเป็นสมาชิกไปประกอบการยื่นขอใบอนุญาต สำหรับการสมัครสมาชิกวิสามัญของเนติบัฑิตยสภานั้น ควรจะสมัครตั้งแต่เริ่มเข้ารับการอบรมที่สภาทนายความเลย เนื่องจากจะต้องใช้เวลาประมาณไม่ต่ำกว่า 2 เดือนจึงจะได้บัตรสมาชิก จะได้ไม่เสียเวลาอีกในการยื่นขอใบอนุญาต การสมัครเป็นสมาชิกวิสามัญของเนติบัณฑิตนั้น ใช้หลักฐานการจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีในการสมัคร
 

การเป็นทนาย บางครั้งเคยมีผู้เข้าใจผิดว่าการเป็นทนายความจะต้องเรียนจบเนติบัณฑิตมาเสียก่อน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด การเป็นทนายความนั้นแค่ผ่านการอบรมจากสภาทนายความก็สามารถเป็นได้แล้ว ส่วนการที่จะต้องเรียนจบจากเนติบัณฑิตนั้น เป็นคุณสมบัติในการสอบเป็นพนักงานอัยการ หรือสอบเป็นผู้พิพากษา ซึ่งหากผู้ที่ต้องการจะสอบเป็นพนักงานอัยการ หรือผู้พิพากษา จำเป็นที่จะต้องจบการศึกษาจากเนติบัณฑิตยสภา
สุดท้ายอาชีพทนายความ เป็นอาชีพที่คนส่วนใหญ่ให้เกียรติ ยกย่อง ไม่กล้าตอแยทางด้านกฎหมายด้วยนะ จะบอกให้
 ขอให้โชคดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น